Categories
daily discover experience

[blog]ทำไมคนอายุ 37 ปีอย่างเราต้องมาเรียนแต่งหน้า …​และนี่คือบทเรียนที่ได้เรียนรู้

 

12

 

1.แม้เราจะเป็นคนที่ดูคลิปแต่งหน้าใน YouTube มากว่า 10 ปี และเราเชื่อมั่นว่า เราแต่งหน้าพอเป็นบ้าง แต่เอาจริงๆ แล้ว เราไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการแต่งหน้าเลย

2.ปีหน้า เรากับเพื่อนจะเปิดแชนแนล YouTube และการจะโผล่หน้าสดเข้ากล้องบ่อยๆ มันก็คงไม่โอเค เราเลยคิดว่าเรียนแต่งหน้าไปเลยดีกว่า

3.เราลงเรียนคอร์ส อ.ปิงปอง ซึ่งเป็นน้องของเพื่อนเรา คอร์สราคา 1,500 บาท เป็นอะไรที่คนทั่วไปเอื้อมถึง อีกอย่าง เราชอบทัศนคติของ อ.ปิงปอง ที่ไปเปิดคอร์สยังตลาดต่างจังหวัดก่อน โดยปกติแล้ว อ.ปิงปอง ไม่ได้สอนที่ กรุงเทพฯ นะคะ แต่จะวนไปทั่วประเทศ ลูกศิษย์ของ อ.ปิงปอง คือผู้หญิงต่างจังหวัดทั่วไป

โฉมหน้าของลูกศิษย์ อ.ปิงปอง ทำให้เราคิดถึง แม่ๆ ยายๆ แถวบ้านเรา

เราชอบที่ อ.ปิงปอง ทำให้ความสวยเป็นเรื่องของการเข้าถึงง่าย และความสวยไม่มีชนชั้น (มันคงมีแหละ เพราะจะแต่งหน้าก็ต้องใช้เงิน แต่ อ.ปิงปอง ไม่เน้นของแพง)

4.เราลงเรียนคอร์สวันที่ 7 ธันวาคม เป็นคอร์สที่จัดขึ้นที่โรงแรมทาวน์ อิน ทาวน์ ลาดพร้าว เราลางานไป บอกเจ้านายเสร็จสรรพว่า ลาไปเรียนแต่งหน้า #ช่างกล้า

5.เขานัดกัน 11.30 น. เราไปถึงสัก 11 โมง พอเดินเข้าล็อบบี้โรงแรม …​เราชอบบรรยากาศมาก เพราะเราเจอ แม่ๆ น้าๆ ยายๆ เพียบเลย เราเจอคุณยายคนหนึ่งอายุ 83 ปี มาเรียนแต่งหน้า!

คุณยายเป็นแรงบันดาลใจที่ดีในการมีหัวใจที่ Fearless + Adventurous มาก

6.จริงๆ แล้ว สารภาพว่า เทคนิคหลายอย่างที่ อ.ปิงปอง สอนในคลาส เป็นเทคนิคที่มีสอนกันอยู่แล้วในโลกออนไลน์ เสิร์ช YouTube สิ คุณจะเจอเพียบเลย

แต่นั่นไม่ใช่หัวใจหลักของการเข้าคอร์สไง!

หลายคนที่เขาลงเรียนคอร์สแต่งหน้าเมื่อวาน เราเชื่อว่าเขาแต่งหน้ากันพอได้อยู่แล้ว เขาแยกแยะเบส ไพรมเมอร์ คอนซีลเลอร์ รองพื้น ชนิดแป้ง เป็น แต่เขามาเรียนเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เข้าใจว่าจะอำพรางจุดด้อยบนใบหน้าตัวเองอย่างไร และจะเสริมจุดเด่นที่มีอยู่อย่างไร

ทุกคนมาเพื่อเปล่งประกายในแบบของตัวเอง

7.คุณพี่สองคนที่นั่งข้างๆ เรา เขาบอกว่า เขามาเรียนเพื่อเอาไปแต่งหน้าให้ลูกสาว!!! ลูกสาวเขาได้ขึ้นแสดงงานโรงเรียน และคุณแม่อยากแต่งหน้าให้ลูก!!!
เนี่ย! ทุกคนมีความฝัน และทุกคนมีเป้าหมายของตัวเอง รัก!

8.เราชอบขั้นตอนแรกสุดของคลาส ที่ อ.ปิงปอง จะเดินไปคุยกับลูกศิษย์แต่ละคน สำรวจจุดด้อย และจุดเด่นของใบหน้า อ.พูดตรง จริง แต่ใส่ใจ จุดไหนที่เป็นข้อด้อยของเรา อ.ก็จะบอก (อาทิ หน้าเรามีกระเยอะมาก ผิวแห้ง เป็นสิว ทำให้หน้าดูโทรมกว่าคนวัยเดียวกัน) แต่จุดไหนเด่น อ.ก็จะบอกเช่นกัน (อาทิ เราเป็นคนหน้าเรียวอยู่แล้ว เราไม่ต้อง shading/contour เพื่อลบกรามออกเลย) เป็นต้น

เราชอบทัศนคติที่บอกว่า ใบหน้าของแต่ละคนแบกประสบการณ์และเรื่องราวในชีวิตมาไม่เหมือนกัน เวลาที่แต่งหน้าออกมา มันก็จะแตกต่างกัน

9.สำหรับเรา คอร์สเรียนแต่งหน้า คือคอร์สที่เรามาสำรวจตัวเอง สำรวจอดีตที่ก่อให้เราเป็นเรา และสำรวจทัศนคติที่เรามีต่อตัวเอง ต่อความงาม และเป้าหมายในอนาคต

10.
สืบเนื่องจากข้อ 9 สิ่งที่เราได้ค้นพบในคลาสคือ
10.1/ ถ้าไม่จำเป็น เราจะไม่ติดขนตาปลอม!!! การติดขนตาปลอมเป็นเรื่องยากมาก ยากยิ่งกว่าให้ลงเรียนภาษาเกาหลีอีก

10.2/ที่เราไม่เคยมีปัญหากับหน้าสด ที่เต็มไปด้วยกระของเราเลย ก็เพราะ ตอนเราอายุ 23 ปี เราเคยไปสัมภาษณ์ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีกระบนใบหน้า แต่เธอสวยมาก! และสำหรับเธอแล้ว กระคือส่วนหนึ่งที่เป็นตัวตนของเธอ เป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีเอกลักษณ์ หลังจากนั้น เราก็เหมือนฝังความคิดนี้ลงหัวเราหน่อยๆ (ประกอบกับความขี้เกียจส่วนตัวด้วย)

10.3/ข้อ 10.2 สะท้อนออกมาชัดเจนมาก ตอนลงรองพื้น เพราะเราลงบางๆ รอบเดียวก็พอแล้ว ซึ่งกระและรอยสิวก็ยังอยู่นั่นแหละ แต่เราโอเคแล้ว จนกระทั่ง อ.ผู้ช่วย เดินมาถามว่า ทำไมเราไม่ลงรองพื้นล่ะ เราบอกว่า เราลงแล้วนะ แล้วเขาทำหน้าประหลาดใจ เขาขอให้ลงเพิ่ม จะได้ปิดหน้าให้เนียน เรารู้ว่าเขาหวังดี เราเลยถามว่า ถ้าอยากหน้าเนียน เราต้องลงอย่างน้อย 2 รอบแบบ full coverage ใช่ไหม เขาบอกว่า ใช่ เราบอกว่า ในคลาสนี้เราจะลงแบบ full แล้วกัน แต่ปกติแล้ว เราโอเคจริงๆ นะ ที่ถึงลงรองพื้นแล้วยังเห็นรอยกระอยู่ เรารู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา

ที่พูดไม่ได้หมายถึง อยากมีกระ แต่สำหรับเรา เราไม่ได้มีปัญหากับการมีกระ (ปริมาณเท่านี้) ในระดับที่จะยอมไม่ให้ใครเห็นหน้าชั้นที่มีกระไม่ได้เลย

เราเพิ่งค้นพบตอนเข้าเรียนคอร์สนี้แหละว่า เออ…เรามีทัศนคติแบบนี้เนอะ และไอ้ที่ผ่านมาทั้งชีวิต เราปฏิบัติกับใบหน้าเราแบบนั้น เพราะเรามีทัศนคติประมาณนี้อยู่เบื้องหลังนั่นเอง

ไม่ได้หมายความว่า ทัศนคติไหนดีหรือไม่ดี แต่เราแค่เป็นอย่างนี้ และมันมีเหตุให้เป็น แต่คอร์สนี้ ทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น (ต้องรอตั้งอายุ 37 แน่ะ กว่าจะเข้าใจ)

11.สรุป

เราประทับใจคอร์สของ อ.ปิงปอง มาก
แต่เราต้องบอกก่อนว่า คนที่ชอบบิวตี้บล็อกเกอร์สายฮิป สาย IG สีฟุ้งๆ หน่อย คุณจะไม่เหมาะกับคอร์ส อ.ปิงปอง นะ (ไม่ได้หมายถึงไปด้วยกันไม่ได้ แต่หมายถึง มันจับคนละกลุ่มตลาด และคนที่ชอบการนำเสนอแบบนั้น น่าจะไม่ชอบการนำเสนอแบบ อ.ปิงปอง)

เราว่า เด็กวัยรุ่น มาเรียนคอร์ส อ.ปิงปอง อาจจะไม่สนุกหรอก (แล้วจริงๆ เด็กวัยรุ่นก็ยังไม่ค่อยมีปัญหาผิวด้วย)

ใครอยากลงเรียน ลองตาม hastag #pinkymakeup ใน Facebook ดูได้เลยค่ะ

 

ปล.ลงภาพที่ถ่ายคู่กับคุณยายวัย 83 ปี ที่เป็นเพื่อนร่วมคลาสกัน

11