Categories
2019 Everyday Blog daily discover experience

จดหมายจากบ้านยานากะ ปีเรวะที่ 1

“ขอบคุณพี่ติ๊กต่อกมากๆ เลย ที่ให้แตงมาอยู่ห้องนี้ต่อ เพราะมาอยู่ห้องนี้ แตงเลยได้เจอกับแฟน”

แตง หรือ หมอแตง พูดด้วยเสียงเพราะๆ ช้าๆ แบบที่แตงทำเป็นปกติตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ฉันเจอแตงครั้งแรกที่บ้านยานากะ เพราะฉันต้องย้ายออก แล้วต้องหาคนมาเช่าต่อ แต่เงื่อนไขเชิงวัฒนธรรมของบ้านยานากะมันซับซ้อนน่ะ บ้านนี้เจ้าของบ้านเป็นคนญี่ปุ่น แต่ทั้ง 5 ห้องถูกครอบครองโดยคนไทยมาหลายต่อหลายรุ่น ชั้นล่างของบ้านเป็นห้องที่ผู้ชายสองคนอยู่ ชั้นบนมีสามห้อง และตามขนบที่ส่งต่อกันมา ก็ต้องเป็นผู้หญิงมาอยู่ต่อเท่านั้น (อันนี้คือขนบที่คิดกันเองน่ะนะ ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร)

ที่สำคัญ คนมาอยู่ต่อต้องทำสัญญาเช่าห้องอย่างน้อย 2 ปี

ฉันเจอแตง เพราะแตงซึ่งเป็นหมอ ดันลงเรียนวิชาเดียวกับเพื่อนคณะฉัน (ซึ่งฉันยังงงทุกวันนี้ว่าทำไมลงเรียนวิชาเดียวกันได้)
ลินด์เซย์ซึ่งเป็นคนฟิลิปปินส์เป็นคนแนะนำให้เราสองคนรู้จักกัน

แตงได้ทุนมาเรียนต่อเอก แต่ก็ต้องสอบอะไรสักอย่างให้ผ่านก่อนถึงจะได้เรียนเอกแบบเต็มตัว ระหว่างนั้นก็ถือว่าทำวิจัยไปพลางๆ พอรู้ว่าแตงมาต่อเอก ฉันก็โล่งไปเปลาะใหญ่ เพราะหมายถึงแตงต้องอยู่ที่โตเกียวอย่างต่ำ 3 ปีแน่ๆ … และแตงเป็นผู้หญิง (ใช่สิ) แถมแตงยังเป็นคนไทย (ใช่สิ) ไม่มีอะไรเข้าแก๊บไปกว่านี้ แตงคือผู้สืบทอดห้อง 203 ของบ้านยานากะ!

วันแรกที่เราเจอกัน แตงนั่งพับเพียบในห้อง แตงมากับน้องผู้ชายอีกคนที่เคยช่วยอาจารย์ที่ธรรมศาสตร์ทำวิจัย เราสามคนเลยคุยกันเรื่องอิสาน เรื่องเลยมาโป๊ะแตกว่า แตงเคยไปใช้ทุนเป็นหมอที่เขาวงด้วย … และเขาวงคือบ้านเกิดของฉันเอง

หลังจากนั้นฉันน่าจะได้เจอแตงอีกแค่ครั้งหรือสองครั้งนี่แหละ … แต่เหมือนเส้นด้ายแห่งโชคชะตาจะผูกพันเราไว้ย่อมๆ ทุกครั้งที่กลับมาโตเกียว ฉันมักแวะมาหาแตงเสมอ

ครั้งล่าสุดที่แวะมาหาแตง แตงก็พูดประโยคข้างบนสุดนั้นให้ฟัง ด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความขอบคุณอย่างสูง

บ้านยานากะที่พวกเราอยู่นั้น ตั้งอยู่ในเขตไทโตะ แต่เป็นปลายไทโตะที่ติดกับเขตบุนเคียวมากๆ มหาวิทยาลัยโตเกียว วิทยาเขตฮนโกะนั้นอยู่เขตบุนเคียว ฉันจำแม่นมากว่าตอนหาห้องพัก ติวเตอร์ที่มาดูแลฉันย้ำแล้วย้ำอีกให้หาห้องพักในเขตบุนเคียว เพราะจะได้ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการย้ายเขต แต่ด้วยความที่บ้านยานากะอยู่ปลายขอบของไทโตะ ฉันเลยเข้าใจผิดว่ามันอยู่บุนเคียว สุดท้าย…ก็เลยโดนติวเตอร์ตัวเองบ่นนิดหน่อย (เออ…แต่ตอนย้ายเข้าเขต ฉันไปทำเรื่องคนเดียวนี่นา ติวเตอร์ไม่ได้ไปด้วยซะหน่อย แล้วนางจะมีสิทธิมาบ่นอะไรมิทราบ เฮอะ)

กลับมาที่เรื่องแตงต่อ

ที่ต้องพูดถึงเขตไทโตะ เพราะการที่บ้านยานากะดันอยู่เขตไทโตะนี่แหละที่ทำให้แตงได้เจอกับแฟน ถ้าบ้านยานากะขยับมาอีกไม่กี่เมตร แล้วตกร่องปล่องชิ้นอยู่ในเขตบุนเคียวแล้วล่ะก็ เรื่องราวมันอาจเปลี่ยนเป็นอีกอย่างแหละมั้ง

เพราะอยู่เขตไทโตะ แล้วแตงอยากหาอะไรทำ แตงเลยไปสมัครเป็นสมาชิกชมรมยิงธนูของเขตไทโตะ ซึ่งฉันเคยเห็นแตงเขียนถึงในบล็อกอยู่ช่วงหนึ่งแหละไอ้การหัดยิงธนูนี่ แน่นอนว่าในชมรมยิงธนูที่แตงไป แตงได้เจอรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมหาวิทยาลัยโตเกียวที่แตงเรียนอยู่เลย แต่นั่นแหละ รุ่นพี่คนนี้ก็มาสอนแตงยิงธนูบ้าง และมีกิจกรรมร่วมกันบ้าง คุณต้องจินตนาการถึงชีวิตของคนในวัย 30 อัพสองคน ที่ต่างเชื้อชาติ และต่างภูมิหลัง แต่มีความชอบในการยิงธนูมาเชื่อมโยงกัน นั่นแหละเรื่องราวของแตง

ซึ่งเอาจริงๆ … ฉันก็ยังงงจนกระทั่งตอนนี้ ว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน แล้วทำไมแตงต้องมาขอบคุณฉันด้วย

เหตุผล หรือจะเรียกว่า โชคชะตาที่ทำให้ฉันได้เจอกับแตง
กับเหตุผล หรือจะเรียกว่า โชคชะตาที่ทำให้แตงได้เจอกับแฟนนั้น ฉันคิดว่า มันไม่เกี่ยวกันหรอก

โชคชะตาของแตง ก็คือโชคชะตาที่แตงสร้างเอง และไม่เกี่ยวอะไรกับการย้ายมาอยู่ห้องนี้ต่อจากฉันทั้งนั้นแหละ

แต่ฉันก็ยังดีใจที่เราได้เจอกัน

การกลับไปบ้านยานากะและได้เจอแตงอีกครั้ง ถือเป็นหนึ่งในโมเม้นท์ที่ดีที่สุด ของปีเรวะที่ 1 ของฉันเลยล่ะ

สวัสดีเรวะ
เจอกันเสียที
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ

โตเกียว, ฤดูฝน, ปีเรวะที่ 1

y